-12%
Sony WH-CH720N หูฟังครอบหู ตัดเสียงเงียบ คุณภาพแน่น ราคาไม่เกินงบ อีกรุ่นที่ถูกอัปเกรดมาอย่างดี เสียงดีไม่แพ้รุ่นพี่อย่าง Sony WH-1000XM5 โดดเด่นด้วยดีไซน์ Over-Ear สวมใส่สบาย นํ้าหนักสุดเบาเพียง 192 กรัม พกพาสะดวก เชื่อมต่อครบทั้งผ่านสัญญาณไร้สาย Bluetooth 5.2 และมีสาย AUX 3.5 mm ด้านฟีเจอร์ ANC เลือกใช้ชิป Integrated Processor V1 ทำหน้าที่ช่วยตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้เงียบสนิทดียิ่งขึ้น ทำให้ไม่ว่าจะฟังเพลงหรือคุยสาย ก็ได้เสียงที่เป็นธรรมชาติไร้เสียงรบกวน พร้อมมอบเสียงที่ยอดเยี่ยม ใช้งานได้นานต่อเนื่องถึง 50 ชม. เมื่อปิด ANC ถือได้ว่าเป็นหูฟังไร้สาย ตัวแรร์ สเปกแรง ที่น่าเลือกใช้งาน ซึ่งวันนี้เรานำมาแกะกล่องพร้อมสรุปความน่าสนใจอีกมากมายในบทความนี้กันครับ
Unbox ภายในกล่องมีอะไรบ้าง?
ภายในกล่องจะมีรายการดังต่อไปนี้
- Sony WH-CH720N x1
- สายชาร์จ USB Type-C x1
- สาย AUX 3.5 mm. x1
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น x1
หูฟังครอบหูดีไซน์ Over-Ear ใส่สบาย พับเก็บได้ พกสะดวก
Sony WH-CH720N หูฟังครอบหู Over-Ear ดีไซน์สวยระดับพรีเมียม ผ่านการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ มีให้เลือก3 สี สีดำ สีขาวและสีนํ้าเงิน แถบคาดศีรษะปรับระดับได้ ด้านเอียร์คัพพับหมุนได้ช่วยพกพาได้สะดวก ส่วน Ear pad มีความนุ่มปกคลุมด้วยหนังสังเคราะห์และนํ้าหนักเบาเพียง 192 กรัม ทำให้สวมใส่สบายได้นานตลอดทั้งวันโดยไม่เจ็บหู
ไดรเวอร์ Dynamic ขนาด 30 มม. เสียงคมชัด ฟังสนุกทุกย่าน!
Sony WH-CH720N จัดเต็มด้วยไดรเวอร์ Dynamic ขนาด 30 มม. ผ่านการปรับจูนเสียงมาเป็นอย่างดี มอบย่านเบสชัด ฟังสนุกตามสไตล์ Sony ช่วยขับทุกย่านเสียงออกมาละเอียดชัดเจน พร้อมรองรับเทคโนโลยี DSEE Extreme เพื่ออัพไฟล์เพลงให้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น รวมถึงรองรับระบบเสียงรอบทิศทาง 360 Reality Audio และ Dolby Atmos จึงช่วยมอบเสียงสมจริงที่ฟังสนุก ฟังได้ทุกแนวเพลงเลยครับ
#รีวิวคุณภาพเสียง (ความคิดเห็นของทางทีมงาน)
- เสียงเบส: เบสแน่นลงลึกมาเป็นลูก มีแรงปะทะปานกลาง ฟังสนุกทุกแนวเพลง
- เสียงร้อง: เสียงนักร้องคมชัด เก็บรายละเอียดเสียงได้ครบถ้วน
- เสียงสูง: ย่านเสียงสูงฟังง่ายทอดไปได้ไกล ส่วนเสียงแหลมไล่โน๊ตตรง ฟังสบาย ฟังได้นานไม่ล้าหู
- มิติเสียง: เวทีขนาดกว้าง จัดวางเครื่องดนตรีให้อย่างเหมาะสมไม่ทับกับเสียงร้อง
Dual Noise Sensor ฟังเพลงเพลินโดยไร้เสียงรบกวน
Sony WH-CH720N โดดเด่นด้วยฟีเจอร์ ANC ตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้เงียบสนิท พร้อมอัปสเปกให้ทำงานร่วมกับระบบ Integrated Processor V1 ที่พัฒนาขึ้นโดย SONY จึงช่วยตัดเสียงรบกวนได้มีประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิม ช่วยให้เรายังเพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงได้ดีในทุกสถานการณ์ พร้อมปรับเสียงรอบข้างได้ 20 ระดับ หรือตั้งค่าฟีเจอร์ Focus on Voice เน้นที่เสียงพูดเพื่อให้พูดคุยได้ โดยไม่ต้องถอดหูฟังผ่านแอปฯ Sony | Headphones Connect
Ambient Sound Mode เปิดรับเสียงจากรอบข้าง
Sony WH-CH720N มี Ambient Sound Mode ช่วยเปิดรับฟังเสียงรอบข้างให้เสียงที่เป็นธรรมชาติ ช่วยให้คุณสื่อสารโต้ตอบกับคนรอบข้างได้ทันที โดยไม่ต้องถอดหูฟังออก เพิ่มความปลอดภัย อีกทั้งยังมีโหมดลดเสียงรบกวนจากลมที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ จึงช่วยให้คุณเพลิดเพลินเสียงเพลงได้ทุกสถานการณ์
ไมโครโฟนในตัว รองแฮนด์ฟรีและระบบคำสั่งเสียง
ตัวหูฟัง Sony WH-CH720N มีไมโครโฟนในตัว พร้อมเทคโนโลยี Beamforming ให้เสียงสนทนาที่คมชัด พร้อมบล็อกเสียงจากภายนอกได้พอสมควร จึงช่วยให้เรารับเสียงสนทนาได้อย่างชัดเจนทั้งต้นสาย-ปลายสาย อีกทั้งยังรองรับการสั่งการผู้ช่วยเสียง Voice Assistant อย่าง Google Assistant และ Siri หรือ Alexa
ควบคุมเสียง ง่ายสะดวก ผ่านบนตัวหูฟังได้เลย
การควบคุม Sony WH-CH720N ทำได้ง่ายและสะดวกไม่ว่าจะเป็นการปรับเพิ่ม/ลด เสียงเพลง เล่น หยุด หรือข้ามแทร็ก การรับสายโทรศัพท์ รวมถึงรองรับการสั่งการผู้ช่วยเสียง Voice Assistant ผ่านบนตัว Earcup ได้ทันที พร้อมช่องสำหรับการเชื่อมต่อต่างๆ เพื่อรองรับการใช้งานได้หลากหลาย
แบตฯ อึด 50 ชม. ใช้งานตลอดทั้งสัปดาห์
Sony WH-CH720N ภายในมีแบตเตอรี่ในตัว ช่วยให้ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 35 ชม. เมื่อปิด ANC และใช้งานได้นานสูงสุดถึง 50 ชม. เมื่อปิด ANC พร้อมมีระบบชาร์จเร็วผ่าน USB Type-C เพียงชาร์จเพียง 3 นาที ก็ใช้งานได้ 1 ชม. จึงช่วยให้การฟังเพลงและดูหนังได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อการพกพาไปได้ใช้งานนอกสถานที่ได้สะดวกสบายยิ่งขึ้นครับ
การเชื่อมต่อครบครัน ทั้งมีสายและไร้สาย
Sony WH-CH720N มาพร้อมการเชื่อมครบครันทั้งไร้สายผ่าน Bluetooth 5.2 รองรับ Codec SBC และ AAC และยังรองรับ Multipoint Connection เชื่อมต่อพร้อมกันได้ 2 อุปกรณ์ ทำให้เชื่อมต่อใช้งานระหว่างพีซีและคุยสายได้ในเวลาเดียวกัน โดยไม่ต้องมาคอยเชื่อมต่อครั้งใหม่ให้เสียเวลา ส่วนการเชื่อมต่อมีสายผ่าน AUX 3.5 mm อีกทั้งยังรองรับอุปกรณ์ระบบ iOS และการเชื่อมต่อผ่าน Google Fast Pair สำหรับ Android และรองรับ Microsoft Swift Pair